ประเทศไทยได้ประกาศเป้าหมายต้องการจะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG Goals (Sustainable Development Goals) ของ UN
กลุ่มบริษัท บี ปิโตรไทย ในฐานะพลเมืองของโลก (Global Citizen) จึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งด้วยการเป็นสะพานเชื่อมต่อ จัดหา พร้อมนำเทคโนโลยีทางวิศวกรรม ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงาน ในระดับสากล ที่ใช้แก้ปัญหาลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมให้บริการทางวิศวกรรมแก่กลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม ด้านพลังงานขนาดใหญ่ เพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายได้ โดยมุ่งเน้นไปที่ SDG 4 ข้อหลัก คือ
และเพิ่มประสิทธิภาพการนำพลังงานไปใช้ ในโรงงานอุตสาหกรรมด้านพลังงาน
ด้วยการแปลงพลังงานที่สูญเสียไปในระหว่างกระบวนการผลิต เพื่อเปลี่ยนกลับมาเป็นพลังงานที่สามารถใช้ประโยชน์ ได้อีกครั้ง เช่น พลังงานความร้อนที่สูญเสียไปจากการระบายความร้อนของเครื่องจักร หรือพลังงานไฟฟ้าที่สูญเสียไป จากการจ่ายกระแสไฟฟ้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ เป็นต้น
การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency) ด้วยการเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถนำไปสู่การลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาทิ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ลอยสู่ชั้นบรรยากาศ
นอกจากนี้ข้อมูลจากเว็บไซต์ Energy Star ซึ่งเป็นเว็บไซต์ทางการของรัฐบาลสหรัฐอเมริกายังระบุว่า การใช้พลังงาน อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ถือเป็นรากฐานที่สำคัญของกระบวนการลดการใช้พลังงาน
เทคโนโลยีที่ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกไปสู่ชั้นบรรยากาศ จะดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่เป็นของเสีย หรือ เป็นผลิตภัณฑ์ข้างเคียงจากกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม แล้วนำไปกักเก็บภายใต้พื้นดิน อาทิ โพรงทางธรณีวิทยา เพื่อไม่ให้มีการปล่อยก๊าซกลับสู่ชั้นบรรยากาศได้ หรือ อาจนำก๊าซเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ในกระบวนการ ผลิตทางอุตสาหกรรมอื่นๆ
เปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ก่อให้เกิดสารประกอบไฮโดรคาร์บอน เป็นการใช้พลังงานจากไฮโดรเจนแทน หรือเลือกใช้เชื้อเพลิงทางเลือกที่สะอาดกว่า เช่น พลังงานหมุนเวียน เชื้อเพลิงชีวภาพ เป็นต้น