เทคโนโลยีลดการใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิล
เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

Energy Saving for Reduce GHG

ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล จึงมีบทบาทสำคัญ ในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ ถือเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพ ในการลดปริมาณ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตพลังงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ระบบควบคุมอัตโนมัติ หรือการใช้พลังงานทดแทน เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่เพียงช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ภาคอุตสาหกรรมอีกด้วย

เทคโนโลยีลดการใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิล

ของบริษัทระดับโลก ที่เป็นพันธมิตรกับ กลุ่มบริษัท บี ปิโตรไทย ได้แก่

1. KOCH Heat Transfer: TWISTED TUBE®

เทคโนโลยีการใช้ท่อแบบบิดเกลียว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อน ของเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger)

เทคโนโลยีท่อแบบบิดเกลียว TWISTED TUBE® เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อนของเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger) ที่พัฒนาโดยบริษัท KOCH Heat Transfer เป็นนวัตกรรมล้ำสมัยที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน และแก้ปัญหาที่พบในการใช้งานท่อแบบดั้งเดิม (Conventional Tube Bundles) โดยท่อแบบใหม่นี้ถูกออกแบบให้การจัดเรียงตัว ของกลุ่มท่อเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม และด้วยลักษณะบิดเกลียวของท่อที่เกิดการชิดติดกันตลอด 4-6 นิ้ว ทำให้ไม่จำเป็นต้องมี ฉากกั้น (Baffle) เนื่องจากการเรียงตัวของท่อสามารถค้ำยันตัวเองได้ และเพิ่มพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนความร้อนได้มากขึ้น

นวัตกรรมท่อแบบบิดเกลียว TWISTED TUBE® ได้ถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น โรงกลั่นน้ำมัน หอกลั่น และโรงงานปิโตรเคมี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการแลกเปลี่ยนความร้อน ส่งผลให้สามารถ ประหยัดพลังงานและลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญ

ข้อดีของเทคโนโลยีท่อแบบบิดเกลียว Twisted Tube®

  1. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อน และลดการสั่นสะเทือน เนื่องจากสามารถค้ำยันตัวเองได้
  2. สามารถนำไปติดตั้งในเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบเชลล์และท่อเดิมได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงประสิทธิภาพ
  3. ด้วยคุณสมบัติพิเศษของท่อแบบบิดเกลียว ช่วยลดระยะเวลาเกิดการอุดตัน การสะสมของตะกรัน (Fouling) ของอุปกรณ์ ในตำแหน่งที่เป็นจุดบอดเข้าถึงได้ยาก โดยเฉพาะบริเวณฉากกั้น ทำให้ช่วยยืดอายุการบำรุงรักษา

2. Schmidt + Clemens: SCope Fusion HT E

เทคโนโลยีการออกแบบท่อโปรไฟล์เฉพาะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งผ่านความร้อน ป้องกันการเกาะตัวของชั้นคาร์บอนที่ลดประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อน

กระบวนการแตกโมเลกุลด้วยไอน้ำ (steam cracking) เป็นกระบวนการแตกตัวโมเลกุลของวัตถุดิบ ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ ปิโตรเคมีกลุ่มโอเลฟินส์ (Olefins) ขั้นต้นที่สําคัญ คือ เอทิลีน, โพรพิลีน การเกิดเขม่า (coke) ในระหว่างกระบวนการแตกโมเลกุล ด้วยไอน้ำนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งหากเกิดการสะสมของเขม่าจะลดประสิทธิภาพของกระบวนการแตกโมเลกุลด้วยไอน้ำ นำไปสู่การหยุดเดินเครื่องจักรของอุปกรณ์โรงงาน (Shutdown) ในระยะเวลาที่รวดเร็วขึ้น ทำให้เสียโอกาสทางการผลิต

SCope Fusion HT E คือ ท่อที่พัฒนาขึ้นใหม่ โดยเทคโนโลยีของ Schmidt + Clemens (S+C) เพื่อใช้กระบวนการแตกโมเลกุล ด้วยไอน้ำ ที่ผสานระหว่างวัสดุเกรดพรีเมียม Centralloy® HT E ด้วยการออกแบบโครงสร้างภายในท่อแบบสามมิติ ที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยยับยั้งการเกิดเขม่า (coke) และเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการแตกตัวของโมเลกุล ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ส่งผลให้เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานได้สูงสุด ขยายช่วงเวลาการซ่อมบำรุงให้ยาวนานขึ้น และผลิตเอทิลีนได้มากขึ้น

ข้อดีของเทคโนโลยีท่อโปรไฟล์เฉพาะ SCope Fusion HT E

  1. เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานให้สูงที่สุด ยืดอายุก่อนถึงช่วงเวลาการบำรุงรักษา และลดระยะเวลาที่เครื่องจะหยุดทำงานลงมาให้น้อยที่สุด (Shutdown)
  2. ยืดอายุการใช้งานของท่อ ทำให้เกิดกระบวนการคาร์บูไรเซชั่นลดลง

3. John Zink Hamworthy Combustion: Steamizer XP Flare

เทคโนโลยีหอเผาทิ้งที่มีการฉีดไอน้ำช่วย

Steamizer XP Flare นวัตกรรมใหม่เพื่อการเผาไหม้ที่สะอาดปลอดควัน ประสิทธิภาพสูง ประหยัด และเป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม โดยที่ปลายปากปล่องหอเผาทิ้ง (Flare Tips) ให้เกิดการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ลดการปล่อย ของเสียที่เหลือจากการเผาไหม้ ออกสู่ชั้นบรรยากาศให้เหลือน้อยลง อีกทั้งยังลดการใช้ไอน้ำในกระบวนการ ได้กว่า 30 - 40% เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีเดิม

เทคโนโลยีนี้ใช้งานได้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น โรงงานปิโตรเคมี โรงงานเคมี และโรงกลั่นน้ำมัน

ข้อดีของเทคโนโลยีหอเผาทิ้งที่มีการฉีดไอน้ำช่วย (Steamizer XP Flare)

  1. สามารถเผาไหม้โดยปราศจากควันได้สูงขึ้น ขณะเครื่องทำงาน มีเสียงรบกวนอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และชุมชน
  2. ลดการใช้เชื้อเพลิง เช่น ไอน้ำ หรือ ก๊าซ ในการทำให้หัวเผาปล่อยควัน จึงช่วยประหยัดต้นทุนด้านพลังงาน

4. Koch Glitsch: Mass Transfer Technology

เทคโนโลยีการปรับปรุงประสิทธิภาพภายในของหอกลั่น

หอกลั่น เปรียบเสมือนหัวใจสำคัญในกระบวนการแยกสารผสม ที่หลากหลายออกจากกัน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม การกลั่น และ ปิโตรเคมีที่ต้องแยกสารตั้งต้น ซึ่งประกอบด้วยสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ที่มีน้ำหนักและจุดเดือดแตกต่างกัน หอกลั่นจึงทำหน้าที่แยกองค์ประกอบเหล่านี้ให้บริสุทธิ์ผ่านกระบวนการกลั่นลำดับส่วน

การปรับปรุงประสิทธิภาพภายในของหอกลั่น สามารถทำได้ตามประเภทของหอกลั่น ขึ้นอยู่กับลักษณะของสารผสม ที่ต้องการแยกและความต้องการในการกลั่น โดย Koch Glitsch พันธมิตรนวัตกรรมของกลุ่มบริษัท บี ปิโตรไทย ได้นำเสนอเทคโนโลยีชุดอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์เทคโนโลยีนี้ได้ ดังนี้ INTALOX® ULTRA Random Packing และ SUPERFRAC® High Performance Trays

ข้อดีของเทคโนโลยีการปรับปรุงประสิทธิภาพภายในของหอกลั่น

  1. ลดการใช้พลังงานของหม้อต้มซ้ำ (reboiler) และลดการใช้พลังงานในเครื่องควบแน่น (condenser) ทำให้ลดต้นทุนเชื้อเพลิงที่ใช้ในการให้ความร้อน
  2. เพิ่ม Turndown ratio ให้สูงขึ้น เพื่อปรับเปลี่ยนปริมาณการผลิตได้ตามกลไกการตลาด
  3. เพิ่มประสิทธิภาพในการแยกสารออกจากกัน โดยใช้พลังงานน้อยลง

มุ่งมั่นสู่ความ ‘เป็นเลิศ’

เรายืนยันที่จะรักษาคำมั่นสัญญาในการทำงาน ให้ออกมามีคุณภาพด้วยมาตรฐานความพึงพอใจระดับสากล
เพื่อให้ลูกค้าและคู่ค้าของเราได้รับรู้ถึง มิตรภาพและความเป็นคู่คิดทางธุรกิจที่มีคุณค่า ที่พวกเราตั้งใจส่งมอบให้