ข่าวและกิจกรรม

ระบบหอเผาทิ้ง Flare System
เป็นระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อกำจัดก๊าซที่ไม่ต้องการ หรือก๊าซส่วนเกินผ่านการเผาไหม้ ซึ่งมักใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น น้ำมันและก๊าซ, เคมีภัณฑ์, และปิโตรเคมี ระบบนี้ช่วยลดมลพิษ โดยการแปลงก๊าซเสียเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ และ น้ำ ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ต่ำกว่าการปล่อยก๊าซโดยตรง และทำให้มั่นใจได้ว่าจะเกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ โดยปล่อยมลพิษ เสียง และควันที่น้อยที่สุด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และสอดคล้องกับข้อกำหนดของมาตรฐานสิ่งแวดล้อม
 
XP Flare Tip
เป็นเทคโนโลยีใหม่จาก John Zink ที่พัฒนาขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบหอเผาทิ้ง พร้อมตอบโจทย์การผลิตอย่างยั่งยืนและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการลดควันและการใช้ไอน้ำ ทำให้สามารถประหยัดไอน้ำได้ถึง 30% หรือ เพิ่มความสามารถในการทำงานแบบไม่มีควันได้ในระดับ40% เมื่อเทียบกับที่ใช้ปริมาณไอน้ำเท่ากัน
 
คำถาม : ความแตกต่างระหว่างหอเผาทิ้ง XP Flares รุ่นที่ 1 และ รุ่นที่ 2 คือ อะไร?
คำตอบ :
XP Flares รุ่นที่ 1
มีท่อไอน้ำเส้นเดียว ทำให้ระบบทำงานแบบไร้ควันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในช่วงอัตราการไหลสูงของก๊าซที่เอามาเผาทิ้ง
 
XP Flares รุ่นที่ 2
เทคโนโลยีนี้มีการออกแบบเพิ่มท่อไอน้ำเสริม 2 เส้น Stage Steam Line และCSR Line
ซึ่งส่งผลให้ช่วยลดการใช้ไอน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงอัตราการไหลต่ำของก๊าซ
ที่เอามาเผาทิ้ง
 
คำถาม : รูปทรงของเปลวไฟจะแตกต่างกันอย่างไร ระหว่าง หอเผาแบบเดิม เช่น
HSA Model หรือ QS Model ที่มีท่อไอน้ำด้านบน กับ XP Model ที่มีท่อไอน้ำด้านล่าง?
คำตอบ :
“การออกแบบหอเผา และโดยเฉพาะรุ่น XP Model ที่มีหัวฉีดที่ออกแบบมาให้เกิดแรงเฉือนในมุมที่เหมาะสม เกิดการผสมกันระหว่างอากาศ ไอน้ำ และก๊าซที่ต้องการเผาไหม้ได้ดียิ่งขึ้น จึงทำให้เปลวไฟมีความเสถียร แม้ในช่วงอัตราการไหลของก๊าซจะน้อยก็ตาม ดังนั้น ด้วยเทคโนโลยีนี้ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องรูปทรงของเปลวไฟ แม้ว่าจะไม่มีท่อไอน้ำด้านบนเหมือนหอเผารุ่นเดิม”
 
คำถาม : ในสภาพอากาศฝนตก เราสามารถจุดไฟซ้ำ ที่ชุดหัวจุดไฟ
สำหรับหอเผา (Pilot) ได้ไหม?
คำตอบ :
“ชุดหัวจุดไฟสำหรับหอเผา JOHNZINK'S WindPROOF Pilot ผ่านการทดสอบแล้วว่า แม้ในสภาพอากาศฝนตกหนัก สามารถจุดไฟซ้ำได้ ทนลม และทดสอบความเสถียรภายใต้แรงลมที่เกินกว่า 160 ไมล์ ต่อชั่วโมง และปริมาณน้ำฝน 30 นิ้ว ต่อชั่วโมง”